ปากแหว่ง เพดานโหว่
เป็นความพิการของใบหน้าแต่กำเนิดที่พบมากที่สุด อัตราการเกิดความพิการปากแหว่ง
ประมาณ 1 ต่อ 600 และอัตราการเกิดความพิการเพดานโหว่ ประมาณ 1 ต่อ 2,500 ของทารกมีชีพ
ทำให้การดูดนมและรับประทานอาหารลำบาก เกิดการสำลักและภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบและหูน้ำหนวกได้ง่าย
พูดไม่ชัด รูปลักษณ์ที่ผิดปกติ เป็นปมด้อย ทำให้เกิดปัญหาการดำรงชีวิตในสังคม
ทั้งๆที่เด็กเหล่านี้มีสติปัญญาเป็นปกติ
นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่มีความพิการอื่นอีกเป็นจำนวนมาก
ที่รอการผ่าตัดแก้ไข เช่น แผลเป็นหดรั้ง จากน้ำร้อนลวกและไฟไหม้ นิ้วติด นิ้วเกิน
แต่ด้วยความยากไร้ด้อยโอกาสและอยู่ในชนบทห่างไกล จึงขาดโอกาสที่จะได้รับการผ่าตัด
สภากาชาดไทยโดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์
ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้เริ่มโครงการศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขปากแหว่งเพดานโหว่
และความพิการอื่น ขึ้นในปี พ.ศ.2541
และได้ดำเนินการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน มีผู้ได้รับการผ่าตัดทั่วประเทศไปแล้วกว่า 4,000 ราย
และในปี พ.ศ. 2548
สภากาชาดไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ได้จัดโครงการยิ้มสวย เสียงใส เทิดพระเกียรติ 50 พรรษา
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
โดยลงทะเบียนทารกปากแหว่งเพดานโหว่ที่คลอดใหม่ทุกราย ประสานและช่วยเหลือค่าเดินทาง
ให้ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดในระยะเวลาที่เหมาะสม คือ ปากแหว่งผ่าตัดอายุระหว่าง 3-6 เดือน
เพดานโหว่ผ่าตัดอายุระหว่าง 9-18 เดือน และร่วมกันบูรณาการ
สร้างเครือข่ายการดูแลผู้ป่วย ตั้งแต่การค้นหา คัดกรอง การรักษาทางศัลยกรรม
ทันตกรรม การฝึกพูด รวมถึงการค้นหาปัจจัยเสี่ยง การเกิดโรค
เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีและลดอุบัติการเกิดโรค ถือเป็นจุดเริ่มการแก้ปัญหา
ความพิการปากแหว่ง เพดานโหว่ ในประเทศไทยอย่างเป็นระบบ
เป้าหมายการดำเนินงาน :
ให้การผ่าตัดแก้ไขความพิการแก่ผู้ป่วยประมาณ 300 ราย
ต่อปี ค่าใช้จ่ายรายละ 4,900 บาท
© สงวนลิขสิทธิ์ สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย