แหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวหรือบริเวณตำแหน่งศูนย์กลางแผ่นดินไหวส่วนใหญ่จะอยู่ตรงบริเวณ
-
แนวแผ่นดินไหวของโลก ตรงบริเวณขอบของแผ่นเปลือกโลก ในกรณีของประเทศไทยแนวแผ่นดินไหวโลกที่ใกล้ๆ ได้แก่ แนวในมหาสมุทรอินเดีย สุมาตรา และ ประเทศเมียนมาร์
-
แนวรอยเลื่อนต่างๆ ในกรณีประเทศไทยได้แก่ แนวรอยเลื่อนในประเทศเพื่อนบ้าน พม่า จีนตอนใต้ สาธารณรัฐประชาชนลาว และเวียตนาม แนวรอยเลื่อนภายในประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือและภาคตะวันตก แสดงดังรูป ทำให้บริเวณนี้มีความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวมากกว่าบริเวณภาคอื่นๆ ที่น่าสังเกตคือแนวรอยเลื่อนบางแห่งเท่านั้นมีความสัมพันธ์กับเกิดแผ่นดินไหว เช่น รอยเลื่อนแพร่ รอยเลื่อน แม่ทา รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ รอยเลื่อนระนอง เป็นต้น ซึ่งในทางทฤษฎีถือว่าเป็นรอยเลื่อนที่มีพลังและเป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหวได้ในหลายขนาด ขึ้นอยู่กับความยาวของการเคลื่อนตัว
-
บริเวณที่มนุษย์มีกิจกรรมกระตุ้นให้เกิดแผ่นดินไหว เช่น เหมือง เขื่อน บ่อน้ำมัน บริเวณที่มีการฉีดของเหลวลงใต้พื้นดิน บริเวณที่มีการเก็บกากรังสีเป็นต้น
ปัจจุบันความรู้ความเข้าใจในเรื่องของลักษณะรอยเลื่อนเพิ่มขึ้น รอยเลื่อนสามารถแบ่งออกตามลักษณะการเคลื่อนตัวในทิศทางต่างๆ เนื่องจากรอยเลื่อนในประเทศไทยมีด้วยกันหลายแนว แต่รอยเลื่อนทุกแนวนั้นมิใช่เป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว มีเพียงบางแนวที่ยังเคลื่อนตัวได้ ถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว ขนาดของแผ่นดินไหวที่เกิดจากรอยเลื่อนจะมากหรือน้อยขึ้นกับความยาวของแนวรอยเลื่อน และระยะทางที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนตัว หรือระยะขจัด (Displacement) หากเคลื่อนตัวได้มากก็จะเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เช่น แผ่นดินไหวขนาด 7 ริคเตอร์ อาจมี ระยะขจัดประมาณใกล้เคียง 1 เมตรหรือมากกว่า
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา นายเสถียร สุคนธ์พงเผ่า รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และนายวรวุฒิ ตันติวนิช ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ปรึกษาทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรณี เดินทางไปตรวจการขุดสำรวจรอยเลื่อนแม่ทา
เหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทยส่วนใหญ่เกิดจากแนวในมหาสมุทรอินเดีย เกาะสุมาตรา พม่า ประเทศจีนตอนใต้ และลาว ซึ่งรอยเลื่อนเหล่านี้มักอยู่ในเขตภาคเหนือและภาคตะวันตกของไทย และมีแนวรอยเลื่อนบางแห่งมีความสัมพันธ์กับการเกิดแผ่นดินไหว โดยประเทศไทยมีรอยเลื่อนที่มีพลังมากถึง 9 แห่ง ตลอดแนวตอนบนสุดของประเทศตั้งแต่บริเวณจังหวัดเชียงรายเรื่อยไปจนถึงนอกฝั่งทะเลในเขตจังหวัดภูเก็ต และมีแนวรอยเลื่อน 4 แห่ง อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย รอยเลื่อนเชียงแสน รอยเลื่อนแพร่ รอยเลื่อนแม่ทา และรอยเลื่อนเถิน
รอยเลื่อนเชียงแสน มีความยาวประมาณ 130 กิโลเมตร เริ่มจากแนวร่องน้ำแม่จันไปทางทิศตะวันออก ผ่านอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ข้ามไปตอนใต้ของอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตามแนวลำน้ำเงินตอนเหนือของอำเภอเชียงของ โดยแผ่นดินไหวที่ใหญ่ที่สุดในแนวรอยเลื่อนนี้มีขนาด 4.9 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2521
รอยเลื่อนแพร่ มีแนวเริ่มจากด้านตะวันตกเฉียงใต้ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ไปทางทิศตะวันออกของอำเภอสูงเม่น ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอร้องกวาง รวมระยะทาง 115 กิโลเมตร และเกิดแผ่นดินไหวขนาด 3-4 ริกเตอร์ กว่า 20 ครั้ง ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
*รอยเลื่อนแม่ทา มีลักษณะเป็นรูปโค้งตามลำน้ำแม่วอง ลำน้ำแม่ทา เขตจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน มีความยาว 55 กิโลเมตร เคยเกิดแผ่นดินไหวที่แม่ริมขนาด 5 ริกเตอร์ เมื่อปี 2550
*รอยเลื่อนเถิน เริ่มจากฝั่งตะวันตกของอำเภอถินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือขนานไปกับแนวรอยเลื่อนแพร่ มีความยาวประมาณ 90 กิโลเมตร โดยก่อนหน้านี้เคยมีรายงานแผ่นดินไหวขนาด 3.7 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2521
จากข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในรอบ 10 ปี ตั้งแต่ปี 2533-2542 พบว่าประเทศไทยมีอัตราเฉลี่ยของการเกิดแผ่นดินไหวที่รู้สึกได้ประมาณปีละ 8 ครั้ง ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณภาคเหนือ ทั้งนี้กองธรณีวิทยาสิ่งแล้อม กรมทรัพยากรธรณี ได้ตระหนักถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวจากแนวรอยเลื่อนต่างๆเหล่านี้ ได้ดำเนินขุดสำรวจร่องแนวรอยเลื่อนมีพลัง โดยได้ดำเนินการอยู่ 2 รอยเลื่อน ได้แก่ รอยเลื่อนแม่ทา และรอยเลื่อนเถิน มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ เพื่อศึกษาถึงสาเหตุการเกิดแผ่นดินไหว ขนาดความรุนแรงที่เกิด ความถี่ ในอดีตที่ผ่านมาซึ่งจะนำผลการศึกษาเหล่านี้มาจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว แนวทางการป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ที่จะเกิดจากเหตุแผ่นดินไหว เพื่อลดความสูญเสีย